Tuesday, March 20, 2007

เรื่องสั้นวันนี้

เรื่องสั้นวันนี้
โดย พงษ์ปรัชญา

ลมเย็นโชยผ่านพัดเอาควันบุหรี่ลอยหายไปในความมืดแห่งห้วงราตรี ผมสูบควันอีกอึกจากมวนบุหรี่หลังมื้อเย็น ก่อนจะดีดมันลอยคว้างไปตกใต้พุ่มเฟื่องฟ้า บนท้องฟ้ามีดาวประดับกระพริบระยิบระยับพร่างพราย ลมเย็นพัดผ่านผิวอีกระลอกผมจุดบุหรี่ขึ้นสูบอีกมวน สายตายังคงจับอยู่ที่จุดแสงกระพริบวิบวับบนฟากฟ้า แล้วระบายควันออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายทอดอารมณ์ไปให้ไกลที่สุดเท่าที่ขอบโค้งจักรวาลจะกางกั้น

เนิ่นนานเท่าใดกันที่ผมไม่ได้เขียนเรื่องสั้น?
อะไรกันที่ทำให้ผมกลั่นเรื่องจากความคิดให้กลายเป็นเรื่องเล่าผ่านตัวอักษรไม่ได้ ผมหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้ หลายครั้งที่จินตนาการของผมโลดแล่นอยู่ในสมอง ผมเห็นฉากเห็นตัวละคร เห็นพล็อตเรื่อง เห็นการเล่าเรื่อง แต่พอผมมานั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อจะพิมพ์ ภาพและเหตุการณ์ต่างๆเหล่านั้นให้เป็นเรื่องสั้นสักเรื่อง มันกลับตีบตันขึ้นมาเสียเฉยๆ บางครั้งผมนั่งจ่อมอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ พยายามนึกทบทวนภาพจินตนาการที่เพิ่งเกิดแต่กลับกลายเป็นว่าผมได้เข้าไปอยู่ในอุโมงค์มืดที่ไร้ทางออก มองอะไรไม่เห็นขึ้นมาเสียอย่างนั้น จนต้องล้มเลิกปิดคอมพิวเตอร์แล้วไปหาอะไรอย่างอื่นทำ-

ผมสูบบุหรี่อึกสุดท้ายแล้วโยนมันทิ้งไว้ที่ใต้พุ่มเฟื่องฟ้า เมื่อได้ยินเสียงแฟนเรียกให้ไปอาบน้ำนอน
ผมปรายตามองดวงดาราบนฟากฟ้าเป็นครั้งสุดท้ายแล้วจึงเอ่ยคำอำลาความงามยามค่ำคืนนี้ หวังว่าพรุ่งนี้ผมจะมีสมาธิและจินตนาการของผมจะรั่วไหลออกจากสมองที่ปิดทึบของผมได้บ้าง- -

หลังอาบน้ำเสร็จผมก็นอนเอกเขนกอยู่บนเตียงนุ่ม ซุกกายอยู่ในผ้านวมผืนใหญ่ มีเสียงเครื่องปรับอากาศพ่นไอเย็นออกมาเป็นระยะ แฟนกำลังให้นมและกล่อมลูกสาวให้หลับนอน ได้ยินเสียงลูกสาวอิดออดยังไม่ยอมนอนเพราะยังห่วงเล่น ผมจึงปิดโคมไฟหัวเตียงให้ทั้งห้องมืดสนิท

เสียงของลูกสาวเงียบไปแล้ว ผมปล่อยเวลาไปอีกระยะเพื่อให้แน่ใจว่าเธอหลับสนิทแล้ว ผมจึงเปิดโคมไฟหัวเตียวอีกครั้ง ลังเลว่าจะหยิบหนังสือมาอ่านดีหรือเปิดโทรทัศน์เพื่อรับฟังข่าวสารดี ผมเหลือบมองนาฬิกาทรงกลมเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดหนึ่งฟุตที่แขวนไว้บนผนัง ขณะนี้เวลาเกือบสี่ทุ่มแล้ว ผมตัดสินใจเปิดโทรทัศน์เพื่อดูข่าว

ผมเป็นคนขี้เกียจอ่านหนังสือพิมพ์แต่ก็ยังอยากรู้ข่าวสารบ้านเมือง จึงเห็นประโยชน์ของรายการข่าวแบบหยิบหนังสือพิมพ์มาเล่าข่าวให้ฟัง แม้จะต้องใช้วิจารณญาณอย่างหนักในการรับสื่อชนิดนี้ แต่มันก็ยังทำให้ผมสบายโดยที่ไม่ต้องก้มๆเงยๆอ่านข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์เอาเอง

หลายครั้งผมเห็นพิธีกรเล่าข่าวอาชญากรรมอย่างมีอารมณ์ร่วม หลายครั้งผมเห็นพิธีกรเล่าข่าวปล่อยคำบริภาษผู้ถูกกล่าวหาออกอากาศทางโทรทัศน์โดยปักใจเชื่อว่าข่าวที่ตนเองเล่ามานั้นมีมูลความจริง และหลายครั้งเหตุการณ์กลับตาลปัตร กลายเป็นเรื่องโอละพ่อ คนผิดกลายเป็นคนถูก คนถูกกลับกลายเป็นผู้กระทำความผิด หรือไม่ก็เป็นกล่าวหาให้ร้ายกัน แต่ผมก็ไม่เห็นพิธีกรเล่าข่าวคนนั้นในโทรทัศน์จะจัดการแก้ไข และมีเหตุผลในการเชื่อข่าวของตนเองแต่อย่างใด เหตุการณ์หน้าแตกทำนองนี้จึงเกิดขึ้นกับเขาหลายต่อหลายครั้ง ซ้ำแล้วซ้ำอีก - -

แสงสว่างจากจอโทรทัศน์ยังคงสว่างไหวตามภาพเคลื่อนไหว-
ภาพนั้นเป็นภาพ ตำรวจหลายนายกำลังคุมตัวผู้ต้องหาคดีฆ่าคนตายไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ท่ามกลางเสียงก่นด่า สาปแช่ง ของบรรดาไทยมุง และญาติมิตรของผู้ตาย

ท่ามกลางกำลังตำรวจที่แห่มาคุ้มกันภัยจากการถูกรุมประชาทัณฑ์ ผู้ต้องหามีใบหน้าที่เรียบเฉย ไม่สะทกสะท้านต่อคำสาปแช่งของผู้คนที่รายล้อมหมายมาดจะเข้ามาทำร้าย ผมไม่เห็นแววตาสำนึกผิดปรากฏบนใบหน้าผู้ต้องหารายนั้นแม้แต่น้อย เสียงพิธีกรบริภาษคำด่าที่แสนสุภาพพอจะผ่านเซ็นเซอร์ออกโทรทัศน์ได้ดังชัดเจน และผมก็เห็นคล้อยตามและนึกด่าอาการไม่รู้สึกรู้สานั้นของผู้ตกเป็นผู้ต้องหา

ผมหันไปถามแฟนว่า ไอ้ผู้ชายคนนี้มันไปก่อคดีได้อย่างไร?
แฟนบอกว่า มันและพวกไปแทงคนตายตรงป้ายรถเมล์แถวอนุสาวรีย์ ตอนนี้ตำรวจจับมันได้เพียงคนเดียวและมันก็รับสารภาพว่ามันเป็นคนลงมือใช้มีดปอกผลไม้จ้วงแทงผู้ตายไปไม่ต่ำกว่าสามสี่แผล โดยมีพรรคพวกของมันเป็นคนจับแขนจับขาผู้ตายไม่ให้ขัดขืน

ผมถามแฟนอีกว่าแล้วมันไปแทงเขาทำไม?
แฟนบอกว่า ตามข่าวมันสนใจผู้หญิงที่มายืนรอรถเมล์พร้อมกับผู้ตาย มันเลยไปขอเบอร์ แต่ผู้ตายกลับขัดขวางและต่อว่ามัน พวกมันโกรธแค้นจึงลงมือฆ่าอย่างทารุณ

'ไอ้เหี้ย' ผมออกปากด่าไอ้ผู้ต้องหาในทีวีโดยไม่ต้องเกรงกองเซ็นเซอร์แห่งประเทศไทย

บนใบหน้าที่เรียบเฉยไม่รู้สึกรู้สาของไอ้ฆาตกรต่อคำด่าของผม ทำให้ผมยิ่งคลั่งแค้น

ในอารมณ์นั้นทำให้ผมเกิดความคิดที่จะเขียนเรื่องสั้นเรื่องใหม่ ผมจะให้ตัวเองเป็นนายตำรวจเจ้าของคดี หลังได้รับแจ้งเหตุฆ่ากันตาย ผมก็ไปดูที่เกิดเหตุและเริ่มสอบปากคำพยานในที่เกิดเหตุและชันสูตรพลิกศพ ผู้ตายเป็นเพียงเด็กวัยรุ่นอายุราวสิบเจ็ดปี ถูกแทงเข้าที่ท้องและหน้าอกหลายแผล เสียชีวิตตรงบิรเวณป้ายรถเมล์

ผมเข้าไปปลอบโยนผู้หญิงเพื่อนของผู้ตายซึ่งอยู่ในอาการตื่นตรกหนก ขวัญเสีย เธอจะเป็นพยานปากสำคัญที่จะชี้ตัวผู้ต้องหาทุกคน คดีนี้อุกอาจและป่าเถื่อนทำให้สื่อมวลชนให้ความสนใจและเกาะติดการทำงานของผม ผมถูกผู้ใหญ่เร่งให้ปิดคดีนี้ให้เร็วที่สุด และจับคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ เพราะคดีนี้อยู่ในความสนใจในวงกว้าง ผู้ใหญ่สั่งให้ผมทำงานให้ได้ผลอย่างรวดเร็ว โดยคดีค้างเก่าในมือที่ยังไม่สามารถสะสางได้ ผู้ใหญ่ได้โยกย้ายมอบหมายให้ตำรวจนายอื่นรับไปทำแทน ผมจึงมีเวลาสืบสวนสอบสวนและควานหาผู้กระทำได้อย่างเต็มที่ ไม่นานผมก็ทราบชื่อและแหล่งกบดานของพวกมันทั้งหมด และหนึ่งในนั้นเป็นหัวโจกที่ผมกำลังเฝ้าคอยการกลับมาของมันอยู่

มันเป็นลูกของผู้มีอำนาจคนหนึ่ง พ่อมันเป็นอดีตนายตำรวจแต่กลับไปเอาดีทางสายการเมือง จนรุ่งโรจน์สร้างความฉิบหายให้บ้านเมืองมาหลายสมัย ไม่ว่าลูกมันจะผิดข้อหาอะไรพ่อมันจะออกหน้าจนลูกมันพ้นผิดได้เสมอ
แต่ครั้งหลังสุดลูกมันไปก่อคดีฆ่านายตำรวจตายในขณะปฏิบัติหน้าที่ในสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง แม้สถานที่นั้นจะสลัวแสงแค่ไหนแต่ทุกคนในที่เกิดเหตุต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าลูกชายสุดที่รักของมันเป็นคนเหนี่ยวไกปืนสังหารนายตำรวจคนนั้น โชคร้ายในท้องที่ ที่มันก่อเหตุไม่ใช่เขตความรับผิดชอบของ สน. ที่ผมปฏิบัติหน้าที่ ไม่อย่างนั้นผมจะอาสาเป็นคนทำคดีนี้ด้วยตัวเอง แต่ผมก็ยังติดตามข่าวเกี่ยวกับคดีนี้อย่างใกล้ชิด และเท่าที่ทราบล่าสุดมันพาลูกหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้วโดยทางเรือ จากนั้นข่าวคราวเกี่ยวกับคดีนี้ก็ค่อยๆจางลง จนไม่มีใครสนใจ

และในที่สุดมันก็ปรากฏตัวอีกครั้ง ฟ้าคงโยนโชคเข้ามือผม มันลงมือฆ่าคนอีกครั้ง และครั้งนี้มันทำในเขตท้องที่รับผิดชอบของผม

ในวันที่ผมพากำลังตำรวจราวสี่สิบนายปิดล้อมพื้นที่กบดานของมัน ผมหวังให้ในมือมันถือปืนในตอนที่เข้าบุกเข้าไปจับกุม และผมจะเป็นคนยิงมันด้วยมือของผมเอง แต่เปล่าเลยมันกลับไม่ต่อสู้ขัดขืน และยอมให้ผมจับมันได้แต่โดยดี เมื่อจับมัดยัดเข้าตะรางผมรู้สึกว่าจากนี้กฏหมายคงจะเอาผิดมันได้ยาก เพราะพ่อมันเป็นทั้งนักการเมืองและนักกฏหมาย มันคงให้พ่อมันปลิ้นปล้อนต่อหน้าศาล ยื่นพยานและหลักฐานลวงโลก ต่อศาลสถิตยุติธรรม และมันคงจะหลุดคดีออกมาสร้างเวรสร้างกรรมอีกไม่หยุดหย่อน ผมจะต้องหยุดมัน ไม่ว่าจะต้องทำด้วยวิธีการใดก็ตาม

โชคดีเหลือเกินที่ในเวลาต่อมาผมสามารถจับกุมตัวพรรคพวกของมันที่ร่วมกันก่อคดีแทงคนตายได้จนครบทุกคน และพวกมันทุกคนซัดทอดคนลงมือฆ่าคือไอ้ลูกชายนักชายที่ผมเกลียดขี้หน้ามันเข้ากระดูกดำ ผมเกลี้ยกล่อมให้มันสารภาพความผิดเพื่อให้ศาลได้ลดหย่อนโทษ แต่มันยังปากแข็งเพราะได้รับคำแนะนำจากพ่อนักการเมืองของมันให้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และมันก็ปฏิเสธที่จะให้การใดต่อเจ้าพนักงานสืบสวน มันจะขอให้การในชั้นศาลแต่เพียงอย่างเดียว หมากเกมนี้เห็นทีเมื่อหลุดขึ้นสู่ศาลผมคงเอาผิดมันไม่ได้ ถึงแม้พยานและหลักฐานจะชี้เป้าไปที่มัน แต่ใครจะรู้ว่าพ่อของมันจะปลิ้นปล้อนตอแหล ได้เชี่ยวชาญขนาดไหน ผมไม่แน่ใจว่ากฏหมายจะสนองกรรมของมันได้ครบทุกบาททุกสตางค์หรือไม่

แต่แล้วจู่ๆมันก็พลิกลิ้น มันยอมรับสารภาพ เหมือนฟ้ายัดโชคใส่มือผมอีกครั้ง

ในวันที่ผมและกำลังตำรวจพามันและพวกไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุ ผู้คนมากมายยืนมุงดูหน้ามันและพรรคพวก และตะโกนด่าทอ สาปแช่ง หลายคนก่นโคตรเหง้าศักราชมันออกมาชำเราไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด และยิ่งมันทำหน้าเป็นทองไม่รู้ร้อน ก็ยิ่งสร้างความคลั่งแค้นให้กับบรรดาไทยมุงและญาติมิตรของคนตาย ผมสั่งให้ตำรวจคุ้มกำลังเอาไว้แต่เพียงหลวมๆ และเมื่อสถานการณ์ระอุจนได้ที่ ผมก็สั่งให้ตำรวจถอนกำลังคุ้มครองผู้ต้องหา พวกมันตื่นตระหนกและตะโกนขอควาามช่วยเหลือ แต่ช้าเกินไปเสียแล้ว ฝูงชนนับน้อยกลุ้มรุมทำร้ายพวกมันจากทุกทิศทาง สภาพมันตอนนั้นเหมือนตอนที่เครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ แบล็ค ฮอร์ค ล่วงลงใจกลางเมืองโมกาดิชู สภาพศพของพวกมันแต่ละคนแทบจะโดนแห่ประจานทั่วเมือง ภาพทั้งสองเหตุการณ์แทบจะไม่แตกต่างกันเลย

ผมยิ้มสะใจ และถึงแม้ว่าผมจะต้องถูกออกจากราชการผมก็ยินดีที่ผมได้แก้แค้นให้เพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนนายร้อยตำรวจสามพรานมาด้วยเพื่อน เพื่อนผู้เป็นทั้งเพื่อนกิน เพื่อนนอน เพื่ อนเที่ยว และเพื่อนตาย ผมหยิบโปสการ์ดใบหนึ่งออกจากกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ตสีเลือดหมูตราโล่ห์ ในนั้นจ่าหน้าถึงลูกชายเพื่อนนายตำรวจที่ต้องสูญเสียพ่อไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ พร้อมกับข้อความสั้นๆเขียนด้วยลายมือของผมเองว่า 'อาแก้แค้นให้แล้วนะ'

ผมหันหลังให้กลับสถานการณ์ตรงหน้า เดินตรงไปยังตู้ไปรษณีย์ที่อยู่ใกล้ที่สุดแล้วหย่อนโปสการ์ดใบนั้นลงไป ก่อนจะเดินหายเข้าไปในถนนที่จอแจและวุ่นวายสายหนึ่งของกรุงเทพมหานคร

จบ. - -

ผมรีบลุกขึ้นจากที่นอนเสียบปลั๊กเปิดคอมพิวเตอร์ เร่งรีบจนลนลาน บนจอโทรทัศน์พิธีกรกำลังเอ่ยคำลาปิดรายการ ยังไม่ที่เขาจะทันได้กล่าวปิดรายการ ผมก็ชิงปิดเครื่องรับโทรทัศน์เสียก่อน ในระหว่างรอให้เครื่องคอมพิวเตอร์เซ็ตระบบจนสามารถใช้งานได้ ผมจึงใช้เวลานั้นทบทวนพล็อตเรื่องสั้นที่เพิ่งผุดขึ้นมาได้ ไฟในการเขียนเหมือนจะโหมกลับมาอีกครั้ง เมื่อคอมพิวเตอร์พร้อมที่จะทำงาน ผมก็พร้อมที่แล้วที่จะพิมพ์

ผมเริ่มเรื่องสั้นของผมโดยการใส่ชื่อเรื่องว่า 'เรื่องสั้นวันนี้' เป็นการตั้งขึ้นมาลอยๆและพร้อมจะถูกเปลี่ยนแปลงได้ทุกเมื่อหากผมคิดชื่อเรื่องที่เหมาะสมกว่านี้-

ผมนั่งจ่อมอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์อีกครั้งเมื่อเรื่องสั้นของผมมาถึงช่วงที่ผมนายตำรวจในเรื่องจับไอ้ลูกนักการเมืองยัดใส่ตะราง ผมที่หน้าจอคอมพิวเตอร์กลับเห็นสายตาหม่นเศร้าขอความเมตตาข้างหลังลูกกรงเหล็ก ความคิดของผมกลับหยุดลงอีกครั้งทำให้สองมือที่พรมแป้นอักษรพลันชะงักไปด้วย ความสงสารก่อเกิดอย่างไม่มีสาเหตุ ส่งผลให้ผมสับสนว่าจะปล่อยให้ชะตากรรมของไอ้ลูกนักการเมืองวายร้ายเป็นไปตามความคิดดั้งเดิมที่หรือไม่ อย่างน้อยมันก็อยู่ในตะรางแล้ว และคงไม่สามารถออกไปทำร้ายทำลายชีวิตใครอีกต่อไป อย่างน้อยก็ในตอนนี้ มันได้รับผลกรรมของมันแล้ว หรือผมควรจะเปลี่ยนตอนจบของเรื่องดี คือให้มันจำนนต่อหลักฐานและสำนึกผิดยอมรับโทษทัณฑ์ตามที่มันก่อ แล้วเรื่องสั้นเรื่องนี้มันจะไปสนุกอะไรหากเลือดไม่ได้ล้างด้วยเลือด

ผมวางมือจากแป้นพิมพ์ละสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง ดวงดารายังกระพริบระยิบระยับพร่างพรายอยู่ท้องฟ้าหม่นมืด

ผมควรจะทำอย่างไรกับเรื่องสั้นเรื่องนี้ดี?
มันเป็นคำถามที่วกวนอยู่ในหัวสมองของผม - -

สายลมเย็นโชยพัดผ่านผิวกาย ผมจุดบุหรี่สูบ ระบายควันออกมาเป็นสาย ลอยหายไปในความมืด ผมออกมานอกบ้านพยายามทบทวนถึงเรื่องสั้นที่ยังค้างคาอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ไฟลามเลียมวนบุหรี่ไปจนค่อน ผมสูบควันอีกอึกแล้วโยนมันทิ้งใต้พุ่มเฟื่องฟ้า ผมตัดสินใจแล้วว่าผมควรจะทำอย่างไรกับเรื่องสั้นเรื่องนี้ของผมดี

ในบ้านผมหย่อนก้นลงบนเก้าอี้หนังสีดำบุนวมนุ่ม บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ปรากฏสกรีนเซิร์ฟเวอร์ เป็นข้อความที่ผมตั้งค่าไว้เอง ลอยเคว้งคว้างอยู่บนพื้นหลังสีดำสนิท ผมพิมพ์ข้อความนั้นว่า 'ไปไหนมา มาพิมพ์เรื่องสั้นของมึงให้จบเสียที' ไม่รู้ผมตั้งค่าสกรีนเซิร์ฟเวอร์ด้วยข้อความนี้ไว้ตั้งแต่เมื่อไร มันคงเนิ่นนานมาแล้วเพราะที่ผ่านมาผมยังไม่ได้เรื่องสั้นสักเรื่องที่เสร็จสมบูรณ์

ผมเอื้อมมือไปขยับเมาส์เพื่อขับไล่สกรีนเซิร์ฟเวอร์ พลันหน้าต่างเรื่องสั้นในโปรแกรมไมโครซอฟ เวิร์ด ที่ผมยังพิมพ์ค้างไว้จึงปรากฏขึ้นแทนที่ ผมเลื่อนเมาส์ไปตรงกล่องกากบาทสีแดงด้านมุมขวาบนของหน้าต่าง แล้วคลิ๊ก โปรแกรมจึงขึ้นข้อความถามว่า 'คุณต้องการที่จะบันทึกการเปลี่ยนแปลงที่คุณได้ทำกับ เอกสาร1 หรือไม่' ผมเลื่อนเมาส์ไปกดกล่องที่มีคำถามว่า 'ไม่ใช่' อย่างไม่ลังเล หน้าต่างโปรแกรมไมโครซอฟต์ เวิร์ด ที่มีเรื่องสั้นของผมอยู่จึงหายวับไปกับตา โดยที่ผมไม่ได้บันทึกมันเก็บไว้เลย

ผมล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มอีกครั้งอีกครั้ง และหลับตาพยายามนึกถึงผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมในภาพข่าว ฉับพลันนั้นผมกลับเห็นใบหน้าของพ่อแม่ญาติพี่น้องของผู้ต้องรายนั้นปรากฏขึ้นมาแทนที่ ใบหน้าของพวกเขานั้นอมทุกข์ แววตาหม่นเศร้าอยู่ตลอดเวลา ในภาพนั้นผมได้ยินเสียงสะอื้นไห้แว่วมาไม่ขาด

ผมว่าผมทำถูกแล้วที่ลบเรื่องสั้นเรื่องนั้นของผมทิ้งไป
ผู้ใดที่ทำผิด ผู้นั้นย่อมได้รับโทษทัณฑ์ตามที่เขาได้ก่อขึ้นมา
แต่ผมไม่เชื่อว่า เลือดต้องล้างด้วยเลือดจึงจะเหมาะสม.
และก่อนที่ผมจะเคลิ้มหลับไป สมองก็ผุดพล็อตเรื่องสั้นเรื่องใหม่สำหรับพรุ่งนี้ไว้ให้ผมแล้ว และหวังว่าผมจะแปรสภาพมันออกมาเป็นเรื่องเล่าผ่านตัวอักษรได้เหมือนเช่นที่เคย.